Fiction นี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนการ โปรดใช้วิจรณญาณในการอ่านงับป๋ม |
Title - Slave Love...ทาสรัก
Author - Kapunoii Rate - PG15
Genre - Yaoi Pairing - Hae x Eun x Kyu
Type - Thailand fic Status - Ongoing
Ch.3 เพื่อนใหม่...กับหายนะ
เช้านี้เป็นอากาศที่สดใสสำหรับผมมาก คิดว่าวันนี้คงจะมีเรื่องดีๆ เข้ามาบ้างละนะ ผมกระชับกระเป๋าเป้คู่ใจเล็กน้อยก่อนที่จะมายืนรอพวกซองมินอยู่ที่ป้ายรถเมย์ นี่ก็เป็นเวลานัดของพวกผมแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นหน้าซองมินหรือคิบอมแม้แต่นิดเดียว
เท้าเล็กๆ ของตัวเองเตะฝุ่นเล็กน้อยเมื่อรอเจ้าเพื่อนตัวดีจนเลยเวลาที่นัดกันไว้ได้ห้านาทีแล้ว ไลน์ไปหาก็ไม่มีใครตอบกลับมาซักคน
แขนเล็กกระชับเป้อีกครั้งหัวกลมๆ ขยับไหวไปมาคอยสอดส่องหาเพื่อนทั้งคู่ รอยยิ้มฉาบขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่คุ้นเคยโบกมือไหวๆ อยู่ไม่ไกลนัก มือเล็กโบกกลับเป็นสัญญาณให้คนทั้งคู่รู้ว่าเขายืนรออยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน
“โทษทีนะฮยอกแจ ที่มาช้านะ” ผมพยักหน้ารับรู้ ความจริงกะจะต่อว่าสักหน่อยพอเห็นสายตาจริงใจที่เหมือนจะพยายามขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เป็นอันให้ผมต้องปล่อยการกระทำในความคิดทุกอย่างทิ้งไป
ก็ผมมันใจอ่อน...
“พอดีไอ้เยซองมันตื่นสาย พวกเราเลยมาช้าไปนิดหน่อย” คิบอมเอ่ยอธิบายกับผมพลางดันคนที่อยู่ข้างหลังที่เป็นตัวการให้ผมยืนรอจนเหงือกแห้งออกมา
“อ่า...หวัดดีนะฮยอกแจ ฉันชื่อ คิม เยซอง ฉันรู้เรื่องนายมาหมดแล้วละ ไอ้หมูกับไอ้หน้าตายมันบอกฉันระเอียดยิบละ” ผมกระพริบตาปริบๆ กับคำแนะนำตัวที่ยาวเยียดของคนข้างหน้า เห็นหน้าตาของเพื่อนใหม่แล้วบอกได้คำเดียวว่าคันบาทามาก
“ใครว่าฉันเป็นหมูกันฮะ ไอ้เยเย่” สรรพนามที่ซองมินใช้เรียกเยซองบ่งบอกให้ผมรู้ว่าไอ้สองคนนี้ดูท่าจะสนิทสนมกันมาก ผมขำนิดหน่อยกับการหยอกเหย้าของคนทั้งคู่ที่มีตลอดการเดินทางไปโรงเรียน
ผมกับเยซองเราสนิทกันไวมาก เนื่องด้วยผมกับมันนิสัยกวนเท้าทั้งคู่ จึงทำให้เราสองคนสนิทกันไว ไวจนคิดว่าคบกันมาเป็นชาติๆ เลยก็ว่าได้ ทั้งคิบอมและซองมินยังแปลกใจกับความสนิทสนมที่มันก่อตัวกันไวเกินสายฟ้าแลบ
ผมเดินเข้าห้องเรียนมาเป็นคนแรกของกลุ่มจัดแจงปูผ้าห่มปิกนิกพร้อมด้วยหมอนข้างมาวางไว้ตรงที่นั่ง VIP ภายในห้องที่พอจะมีนักเรียนประปรายพากันหันมามองการกระทำของผม พวกนั้นคงจะไม่เคยเห็นใครบ้าขนาดนี้เท่าผมก็ได้ละนะ
“โหไอ้หอกแจ แกแมร่งโครตเจ๋งอะ ไม่นึกว่าจะกล้าทำถึงขนาดหอบผ้าหอบหมอนมานอนเรียน” ไอ้เย่มันหันมาพูดกับผมแต่ตัวมันไม่เสรือกลงไปเกลือกกลิ้งบนผ้าที่ผมปูไว้ เสมือนกับเป็นของมันเองซะอย่างนั้น
“ก็เมื่อวานกูปฏิญาณตนไว้แล้ว ว่ากูจะทำให้ถึงที่สุดในเมื่อไอ้เจ้าของโรงเรียนมันไม่ให้กูนั่งโต๊ะ กูก็ทำงี้ละนอนเรียนแมร่ง” ผมไหวไหล่ไม่สนใจกับคำชมของไอ้เย่จัดแจงเอาตำราเรียนมาวางไว้ อย่างน้อยผมก็ตั้งใจเรียนนะ
“หยาบคายจังเลยเนอะมึงอะ” มันเงยหน้าขึ้นพูดกับผมจากหมอนใบเล็ก ที่มันเอาไปซุกปิดหน้าปิดตา
“ก็ติดมาจากมึงเมื่อเช้านั้นละ มึงทำให้กูต้องหยาบคายอะไอ้เย่ รับผิดชอบกูเดี๋ยวนี้เลย” หันมาเบะปากใส่มันแล้วนึกไปถึงเมื่อเช้าที่เดินเข้าเรียนพร้อมกัน ไอ้เย่มันเป็นตัวนำเทรนหยาบคายมาใส่ผมแบบจัดเต็ม จนทำให้ตัวผมเองก็ติดคำหยาบจากมันมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็บอกแล้วสนิทกันไวเกิ๊น
“แหม๋อิหอกแจ มาโยนความผิดใส่กูหมดเลยนะมึง” พูดไม่พูดเปล่ามันดันปาหมอนมาใส่หน้าผมเต็มๆ คิดว่าหมอนมันนิ่มจนผมไม่เจ็บหรือไงเนี้ย
ส่วนซองมินกับคิบอมพอเห็นผมทำสงครามน้ำลายกับไอ้เย่ สองคนนั้นก็ลงมานั่งเล่นนอนเล่นส่งเสียงเฮฮาลั่นห้อง แต่เจี้ยวจ้าวกันได้ไม่นานหรอกเมื่อหมอนที่วางไว้ด้านหน้าผมปลิวผ่านระดับสายตาไปแค่เสี้ยวเดียว
ผมกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะความช็อคที่หมอนของผมลอยเกือบปลิวใส่หน้าตัวเองเต็มๆ จากเหตุการณ์เมื่อครู่จึงทำให้ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมเกือบจะหัวใจวายตายเป็นผีเฝ้าห้องเรียน
“ทำตัวปัญญาอ่อน เหมาะกับคนไม่มีสมองเหมือนนายเลยเนอะ...ฮยอกแจ” คำสบประมาณของทงเฮทำให้หน้าผมชักสีหน้าได้ไม่ยาก ไม่ใช่เพราะเขินอายหรืออะไรหรอกนะ แต่เพราะทำให้ผมโมโหมาก อุตส่าไม่ยุ่งด้วยแล้วยังไม่วายมายุ่งย่ามกับผมอีก
“มันเรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของนาย” ผมขบกรามตัวเองแน่นพลางนับเลขไปเรื่อยเพื่อระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ผมไม่ใช่คนใจเย็นขนาดที่โดนด่าแล้วจะนั่งฟังเฉยๆ หรอกนะครับ เห็นงี้เวลาโดนด่าแล้วผมจะหน้าตึงสุดๆ เลยละ
ซองมินกับคิบอมพยายามบีบแขนผมเบาๆ เป็นเชิงห้ามปรามอย่าให้ผมวู่วามไปทะเลาะกับทงเฮมันเพราะคงจะไม่จบแค่ต่อปากต่อคำแน่นอน
“แต่ฉันเห็นแล้วเกะกะลูกตา” เป็นไอ้คยูที่ตอบแถมกลอกตาไปมา พวกมันสองคนพยายามที่จะยั่วโมโหผม ทั้งๆ ที่เมื่อวานพวกมันสองคนเตือนว่าให้ผมอยู่ห่างจากพวกมันไว้ถ้าไม่อยากซวย แต่ไอ้ที่พวกมันทำเหมือนกับจะบอกให้รู้ว่าถึงผมไม่ยุ่ง มันก็จะหาเรื่องมาระรานผมจนกว่าจะตายกันไปข้าง
“นั้นมันก็เรื่องของพวกนาย ฉันไม่อยากยุ่งด้วย เมื่อวานฉันตกลงไปแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับพวกนาย เพราะงั้นพวกนายก็ห้ามยุ่งกับฉัน” ผมพล่ามออกไปยาวเยียด สิ่งที่พวกมันทำแค่ยักไหล่ใส่ผมแล้วเดินไปนั่งโต๊ะประจำ ก่อนที่อาจารย์จะเข้าห้องทงเฮหันมาบอกบางอย่างกับผม ที่ทำให้ชีวิตผมเลวร้ายไปตลอดจนเรียนจบ
‘ฉันว่าฉันไม่ได้บอกนะว่าจะไม่ยุ่งกับนายนะฮยอกแจ เพราะงั้นระวังตัวไว้ให้ดีนายเสร็จพวกเราสองคนแน่...หึหึ’
ทั้งคำพูดและเสียงหัวเราะของทงเฮยังคงวนเวียนลอยอยู่ในหัวผมทั้งคาบ มันทำให้ผมคิดมาก มากกว่าตำราเรียนที่จะต้องเทสย่อยซะอีก คำพูดนั้นมันทำให้ผมต้องระวังตัวตลอดเวลาเพราะผมไม่รู้ว่าสองพี่น้องนั้นจะมาไม้ไหนกับผม
ยังไม่จบตอน 50%
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
อ่านแล้วช่วยคอมเม้นต์กันนิดนึงนะครับ TT v TT